เหตุการณ์ “โคลนปริศนาผุดจากใต้ดิน” ที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมาหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่มีความเกี่ยวข้องกับโครงสร้างของพื้นดินและแรงกดดันใต้พื้นผิวโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นแหล่งสะสมของโคลนหรือดินเหนียวใต้ดิน ในกรณีนี้ อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของแรงดันใต้ดินอันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว ซึ่งนำไปสู่การเคลื่อนตัวของโคลนหรือสารละลายใต้ดินขึ้นสู่พื้นผิว

สาเหตุที่เป็นไปได้:
- แรงดันใต้พื้นผิว :
- เมื่อเกิดแผ่นดินไหว แรงสั่นสะเทือนอาจทำให้ชั้นหินหรือดินใต้ผิวดินแตกออก หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของแรงดันใต้ดิน ส่งผลให้โคลนหรือของเหลวใต้ดินถูกผลักดันขึ้นมาสู่พื้นผิว
- พื้นที่ที่มีชั้นดินเหนียวหรือโคลนหนาแน่นอาจมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดปรากฏการณ์นี้
- การปะทุของโคลน (Mud Volcano) :
- การปะทุของโคลนเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่พบได้ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในบริเวณที่มีกิจกรรมทางธรณีวิทยา เช่น ใกล้รอยเลื่อนหรือพื้นที่ที่มีการสะสมของก๊าซธรรมชาติใต้ดิน
- แผ่นดินไหวอาจกระตุ้นให้เกิดการปะทุของโคลน ซึ่งโคลนและก๊าซจะถูกปล่อยออกมาจากใต้ผิวดิน
- ผลกระทบจากโครงสร้างธรณีวิทยา :
- พื้นที่ในเมียนมาอยู่ใกล้กับแนวภูเขาไฟและรอยเลื่อนขนาดใหญ่ ซึ่งอาจมีช่องว่างใต้ดินที่เต็มไปด้วยของเหลวหรือโคลน เมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือน ชั้นใต้ดินเหล่านี้อาจไม่มั่นคงและปล่อยโคลนออกมา

ความสำคัญ:
- ปรากฏการณ์นี้อาจไม่ใช่เรื่องอันตรายโดยตรง แต่สามารถบ่งชี้ถึงความเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างธรณีวิทยาในพื้นที่ และอาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมแผ่นดินไหวหรือแม้กระทั่งการปะทุของโคลนในอนาคต
- หากปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่ อาจส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แหล่งน้ำหรือพื้นดินที่ใช้ทำการเกษตร
บทสรุป:
“โคลนปริศนา” ที่ผุดขึ้นมาในเมียนมาหลังแผ่นดินไหว มีแนวโน้มว่าเกิดจากแรงดันใต้ดินที่เปลี่ยนแปลงจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ซึ่งทำให้โคลนหรือของเหลวใต้ดินถูกผลักดันขึ้นสู่พื้นผิว ปรากฏการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการปะทุของโคลน (Mud Volcano) หรือการเคลื่อนตัวของชั้นใต้ดินในพื้นที่ที่มีโครงสร้างธรณีวิทยาเหมาะสม